เมื่อพระเยซูทรงมีพระชนมายุประมาณ 30
พรรษา พระองค์เสด็จจากแคว้นกาลิลี มาหายอห์นที่แม่น้ำจอร์แดน
เพื่อรับบัพติศมา (พิธีที่ใช้น้ำเป็นสัญลักษณ์
เล็งถึงการที่พระเจ้าทรงให้อภัยคนบาป)
จากยอห์นในแม่น้ำจอร์แดน แต่ยอห์นทูลห้ามพระองค์ว่า
"ข้าพระองค์ต้องการจะรับบัพติศมาจากพระองค์
ควรหรือที่พระองค์จะเสด็จมาหาข้าพระองค์"
แต่พระเยซูตรัสตอบยอห์นว่า
"จงยอมเถิด เพราะสมควรที่เราทั้งหลายจะกระทำตามสิ่งชอบธรรมทุกประการ"
ยอห์นจึงยอมตามที่พระเยซูบอก
เมื่อพระองค์ทรงรับบัพติศมาแล้ว ในทันใดนั้นก็เสด็จขึ้นจากน้ำ
และท้องฟ้าก็แหวกออก และพระองค์ได้ทรงเห็นพระวิญญาณของพระเจ้าดุจนกพิราบ
ลงมาสถิตอยู่บนพระองค์ และมีพระสุรเสียงตรัสจากฟ้าสวรรค์ว่า
"ท่านผู้นี้เป็นบุตรที่รักของเรา
เราชอบใจท่านมาก" (มัทธิว
3:13-17) |
|
หลังจากพระเยซูรับบัพติศมาแล้ว
พระวิญญาณทรงนำพระเยซูเข้าไปในถิ่นทุรกันดาร
พระองค์ทรงอดพระกระยาหาร 40 วัน 40
คืน และมารได้มาผจญโดยทดลองใจพระองค์หลายประการ
แต่พระเยซูทรงตอบโต้กับมาร โดยอ้างข้อความในพระคัมภีร์และทรงขับไล่มาร
ตรัสว่า "อ้ายซาตาน
จงไปเสียให้พ้น เพราะพระคัมภีร์มีเขียนไว้ว่า
จงกราบนมัสการพระองค์ผู้เป็นพระเจ้าของท่าน
และปรนนิบัติพระองค์แต่ผู้เดียว"
มารจึงละพระองค์ไป และมีเหล่าทูตสวรรค์มาปรนนิบัติพระองค์
(มัทธิว 4:1-11) |
|
หลังจากพระเยซูทรงรับบัพติศมาจากยอห์น
และอดอาหารแสวงหาพระเจ้า 40 วัน 40
คืนแล้ว พระองค์ทรงเริ่มต้นประกาศเรื่องการกลับใจใหม่
และเรื่องแผ่นดินของพระเจ้า และทรงเสด็จดำเนินไปที่ชายทะเลกาลิลี
จึงทรงเรียกพี่น้องชาวประมง 2 คน ชื่อเปโตรและอันดรูว์
มาเป็นสาวก 2 คนแรก เขาทั้งสองก็ตามพระองค์ไปทันที
ครั้นพระองค์เสด็จต่อไปก็เห็นพี่น้องอีก
2 คน ชื่อยากอบและยอห์น
พระองค์ได้ทรงเรียกเขา เขาทั้งสองก็ตามพระองค์ไป
และพระองค์ได้ทรงสั่งสอนคนในธรรมศาลา
และทรงรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้แก่ประชาชนในที่ต่างๆ
ที่พระองค์เสด็จผ่านไป คนมากมายก็ติดตามพระองค์ไป
(มัทธิว 4:18-22) |
|

พระเยซูได้เสร็จไปทั่วแคว้นกาลิลี ทรงสั่งสอนในธรรมศาลา
ทรงประกาศข่าวประเสริฐ เรื่องแผ่นดินของพระเจ้า
และทรงรักษาโรคภัยไข้เจ็บของชาวเมืองให้หาย
กิตติศัพท์ของพระองค์ก็เลื่องลือไปทั่วประเทศซีเรีย
เขาจึงพาคนป่วยเป็นโรคต่างๆ คนที่ทนทุกข์เวทนา
คนผีเข้า คนเป็นลมบ้าหมู และคนเป็นอัมพาตมาหาพระองค์
พระองค์ก็ทรงรักษาเขาให้หาย และมีคนหมู่ใหญ่มาจากแคว้นกาลิลี
และแคว้นทศบุรีและกรุงเยรูซาเล็ม และแคว้นยูเดีย
และแม่น้ำจอร์แดนฟากตะวันออกติดตามพระองค์ไป
(มัทธิว 4:23-24) |
|
ต่อมาพระองค์ได้ทรงเรียกชายคนหนึ่งชื่อมัทธิว
ซึ่งมีอาชีพเป็นนายด่านเก็บภาษี ตรัสกับเขาว่า
"จงตามเรามาเถิด"
เขาก็ลุกขึ้นตามพระองค์ไป เมื่อพระองค์ประทับเสวยพระกระยาหารอยู่ในเรือน
มีคนเก็บภาษี และคนบาปอื่นๆ หลายคน
เข้ามาร่วมสำรับกับพระเยซู และกับพวกสาวกของพระองค์
เมื่อพวกฟาริสีเห็นแล้ว ก็กล่าวแก่สาวกของพระองค์ว่า
"ทำไมอาจารย์ของท่านจึงรับประทานอาหารด้วยกันกับคนเก็บภาษี
และคนนอกรีตเล่า" เมื่อพระเยซูทรงทราบดังนั้นแล้วก็ตรัสว่า
"คนเจ็บต้องการหมอ
แต่คนสบายไม่ต้องการ ท่านทั้งหลาย จงไปเรียนคัมภีร์ข้อนี้ให้เข้าใจ
ที่ว่า เราประสงค์ความเมตตา ไม่ประสงค์เครื่องสัตวบูชา
ด้วยว่าเรามิได้มาเพื่อจะเรียกคนที่เห็นว่าตัวชอบธรรม
แต่มาเรียกคนที่พวกท่านว่านอกรีต ให้กลับใจเสียใหม่"
(มัทธิว
9:9-13) |
|
พระเยซูเสด็จไปที่ภูเขาเพื่อจะอธิษฐาน
และได้อธิษฐานต่อพระเจ้าตลอดทั้งคืนจนรุ่งเช้า
ครั้นรุ่งเช้าแล้ว พระองค์ทรงเรียกสาวกของพระองค์
แล้วทรงเลือก 12 คนออกจากหมู่สาวกนั้น
ที่พระองค์ทรงเรียกว่าอัครทูต (แปลว่า
ผู้ที่ทรงใช้ไป) คือ เปโตร อันดรูว์
ยากอบ ยอห์น ฟีลิป บารโธโลมิว มัทธิว
โธมัส ยากอบบุตรอัลเฟอัส ซีโมน ธัดเดอัส
และยูดาส อิสคาริโอทที่เป็นผู้อายัดพระองค์ไว้นั้น
(ลูกา 6:12-26)
|
|
|
  |